พิธีกรรมปัญโจลมะม็วด ของชาวเขมร
พิธีกรรมปัญโจลมะม็วด เป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาแต่บรรพบุรุษของชาวเขมรแถบอีสานตอนล่าง ตามแนวเทือกเขาพนมดงรัก
โดยมีความเชื่อว่า วิญญาณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภูตผีปีศาจ และดวงวิญญาณของบรรพบุรุษมีอยู่จริง
ในอดีตทุกชุมชนหมู่บ้านชาวเขมรสุรินทร์
ต่างร่วมกันจัดงาน “พิธีกรรมปัญโจลมะม็วด” ระหว่างหลังฤดูการเก็บเกี่ยว ไปถึงก่อนฤดูการผลิตใหญ่ “ทำนา” เพื่อเป็นศิริมงคล กระทั่งเป็นประเพณีประจำปีของชุมชนสืบต่อ
ๆ กันมาถึงปัจจุบัน
พิธีกรรมปัญโจลมะม็วด
โดยหลัก ๆ แล้วชาวเขมรสุรินทร์ มักจะนำพิธีกรรมดังกล่าวมาใช้ เพื่อการรักษา
การเจ็บไข้ได้ป่วย และเนื่องจากในพิธีกรรมนี้ มีการใช้ศาสตร์ดนตรี กันตรึม วงปี่พาทย์บรรเลงเพลงประกอบ
เพื่ออัญเชิญ จิตวิญญาณ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มาประทับที่ร่างทรงของแม่มด ปัจจุบันจึงนิยมเรียกความหมายพิธีการปัญโจลมะม็วดนี้ว่า
“การรักษาด้วยเสียงดนตรี”
ความเชื่อในพิธีกรรมปัญโจลมะม็วด
แม้จะมีการสืบทอดมาถึงปัจจุบัน หากแต่ความนิยมและศรัทธาเริ่มเสื่อมคลายลงไปอย่างรวดเร็วในระยะเวลาย้อนหลัง
ราว 30 ปีที่ผ่านไป โดยกระแสความเชื่อด้านวิทยาศาสตร์
เข้ามาแทนความเชื่อเรื่อง “ปัญโจลมะม็วด”
พิธีกรรมปัญโจลมะม็วด
จึงกลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัยโบราณ ไสยศาสตร์ ฯ ไม่เป็นที่นิยมเลื่อมใสศรัทธาในหมู่คนรุ่นใหม่
หากแต่ความเชื่อศรัธทาในหมู่ชาวสุรินทร์เชื้อสายเขมร ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ยังคงเชื่อศรัทธา จากผลการ รักษาอันปรากฏที่หายจากการเจ็บป่วย
ด้วยวิธีการปัญโจลมะม็วด แม้จะไม่แม่นยำ 100 % แต่ก็สามารถแก้ปัญหาอาการเจ็บไข้บางชนิดที่การแพทย์สมัยใหม่ไม่สามารถเยียว
ยารักษาได้เช่นกัน
คุณตาโบราณ
จันทร์กลิ่น ครูเพลงกันตรึมดนตรีประกอบพิธีปัญโจลมะม็วด แห่งบ้านดงมันกล่าวว่า “พิธีกรรมปัญโจลมะม็วด” เป็นการเล่นเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยเช่น
บางครั้งชาวบ้านไปโรงพยาบาลด้วยอาการเจ็บปวด แขน ขา
ร่างกาย ฯลฯ แพทย์หาสาเหตุไม่เจอ แต่เมื่อมารักษาโดย “พิธีกรรมปัญโจลมะม็วด”
ก็จะหายจากการเจ็บป่วย ซึ่งการรักษาด้วยวิธีการนี้ได้มีการสืบทอดมาแต่บรรพบุรุษแล้ว
ท่านยังบอกว่า
แม้ในกรุงเทพ “พิธีกรรมปัญโจลมะม็วด” จากจังหวัดสุรินทร์ก็มีการไปเล่นอยู่เป็นประจำ
ความห่วงใยถึงวัฒนธรรมประเพณีดังจะสูญหายไป ปัจจุบันท่านได้พยายามสร้างเยาวนคนรุ่นใหม่ฝึกฝนศิลปะวัฒนธรรมอันงดงามนี้สืบทอดต่อไปตาม
ความเชื่อของชาวเขมร พวกเขาเชื่อว่าในอิทธิพลของพลังแห่งจักรวาล ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
และสรรพสิ่ง ล้วนเกิดจากอิทธิพลอำนาจของจักรวาล ดังนั้นต่างสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก
ความสมดุลจะเกิดขึ้นได้ด้วยจิตวิญญาณและศรัทธา
ปัญโจลมะม็วด(ปัญโจล แปลว่า การเข้าทรง) (มะม็วด แปลว่า แม่มด) หมาย ถึงการเชิญจิตวิญญาณทั้งปวงเข้าสู่ร่างทรงเรียกว่า กรู
มะม๊วด เพื่อขจัดสิ่งเลวร้ายต่างๆ รวมถึงการถอนอาคมตุณไสย์จากผู้ประสงค์ร้าย ขณะเดียวกัน
พิธีกรรมก็จะทำพิธีขอขมาลาโทษต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และวิญญาณของบรรพบุรุษที่ได้ล่วงละเมิดโดยมิได้ตั้งใจ
ตลอดจนการเสริมศิริมงคล ปกป้องคุ้มครองให้วิถีการดำเนินชีวิตได้ร่มเย็นเป็นสุข
เครื่องเซ่นไหว้ ประกอบพิธี
ได้แก่
1. เครื่องบวงสรวงซึ่งทำจากก้านกล้วยจำนวน 2 ชุด
1. เครื่องบวงสรวงซึ่งทำจากก้านกล้วยจำนวน 2 ชุด
ชุดที่ 1 มี 3 ขาซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของดวงวิญญาณที่เป็นเพศชาย
ชุดที่ 2 มี 4 ขา จะเป็นตัวแทนของดวงวิญญาณที่เป็นเพศหญิง
2. ดอกไม้ธูปเทียน เงิน ทอง
3.หัวหมู 1 หัว ไก่ 1 ตัว ขวดน้ำ 2 ขวด
เหล้า บุหรี่
4. เครื่องเคียเปมี ขนม
ข้าวต้มกล้วย ข้าวตอก ไข่ไก่ ขนมฝักบัว
5. เสื้อผ้าอาภรณ์
เครื่องประดับ มีดดาบไม้ 1 เล่ม
6. พานบายศรี หมากพลู ชุดขัน 5
ขันเงิน ข้าวสาร 1 ขันกระบุงหรือกระเชอ
ข้าวเปลือก ฯลฯ
ขั้นตอนพิธีกรรม
กรู มะม๊วด
จะเริ่มพิธีบวงสรวงสิ่งศักด์สิทธิ์ และวิญญาณบรรพบรุษ เพื่อมาประทับทรงในร่างของ
กรู มะม๊วด ขณะเดียวกันวงกันตรึมเริ่ม มโหรีปี่พาดบรรเลงประกอบพิธีกรรม
กรู มะม็วด
เป็นผู้นำชาวบ้านที่สนใจ และลูกศิษย์ที่ติดตามเพื่อรับการถ่านทอดทางจิตวิญญาณ
เข้าสูพิธีกรรม กรูมะม็วดจะเป็นผู้คอยแนะนำมะม็วดใหม่
ให้เล่นไปตามลำดับขั้นตอนของพิธีกรรม จากนั้นพิธีกรรม “กาแป” ผู้ เล่น จะร่ายรำดาบหน้าปะรำพิธีฟันดาบขับไล่เหล่าภูตผีปีศาจและสิ่งชั่วร้ายเสนียด
จัญไรนานาออกไป มะม็วดแต่ละคนจะมีผู้ใกล้ชิดซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของฝ่ายมนุษย์ จะติดต่อไถ่ถามกับจิตวิญญาณที่เข้ามาประทับร่างของมะม็วด การ ร่ายรำ หลังจากการเตรียมพร้อมเข้าทรงเรียบร้อยทั้งหมู่คณะเเล้วแม่มดทุกคนจะร่วมกัน
ฟ้อนรำรอบจวมครูหรือเครื่องบัตพลีที่วางกลางปะรำ ด้วยท่วงท่าและบทเพลง ตามแบบวัฒนธรรมเขมร
แถบเทือกเขาพนมดองเร็ก
มีท่ารำต่างๆเช่น
- ท่าร่ายรำ
กั๊จปกา(การเด็ดดอกไม้ไหว้ครู) เป็นการร่ายรำเพื่อแสดงการคารวะต่อครูบาอาจารย์
- ท่าร่ายรำ “กาบเป”(ฟันมีดดาบ)
ขณะที่วิญญาณภูติผีชั่วร้ายเข้าสิงมะม็วด มะม็วดจะร่ายรำด้วยท่วงทำนองขึงขังดุร้าย
ฟันมีดาบ (ทำด้วยไม้) ฟันออกไปในอากาศ บางครั้งไล่ฟันผู้ที่ร่วมในพิธีก็มี ผู้เข้าทรงจะรำและมีการ
“กาบ เป”(ฟันเป)ด้วย
คือเครื่องประกอบการเข้าทรงทำจากต้นกล้วย และมีเครื่องเคียเป ซึ่งประกอบด้วยขนม
ข้าวต้มกล้วย ข้าวตอก ดอกไม้ การรำเช่นนี้เป็นการ
- ท่าร่ายรำ จักจะเวีย อมตู๊ก
(ท่าพายเรือ) ในระหว่งการร่ายรำท่านี้ จะมีการทำพิธีการ อุ้มกระเซอตะออ
เพื่อแสดงการขอบคุณต่อบรรพบุรุษ และสิ่งศักดิ์ทั้งปวง
- ท่าร่ายรำ ซาร์ปดาน(ท่าลาหรือรื้อปะรำ)เป็นท่าร่ายรำอำลาสิ้นสุดพิธีกรรม
มะม็วด และผู้ที่เข้าร่วมเล่นในพิธี
จะแสดงการร่ายรำ ตามขั้นตอนพิธีกรรมต่อ เนื่องตามจังหวะวงปี่พาทย์บรรเลง บางครั้งมะม็วดต้องการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่
เจ้าภาพก็ต้องจัดหามาให้มะม็วดเลือก เมื่อได้เครื่องแต่งกายใหม่แล้ว
ก็จะร่ายรำไปเรื่อยๆจนพอใจ เมื่อวิญญาณออกจากร่างทรง
มะม็วดก็จะกัดเทียนที่จุดไว้ให้ดับ กลับสู่ร่างมนุษย์ดังเดิม
เครื่องดนตรีประกอบ
คณะวงดนตรี
“กันตรึม” ที่ร่วมประกอบนพิธีกรรม จะใช้ท่วงนองนองเพลงบรรเลงปี่พาทย์
เป็นหลักบางแห่งอาจมี “เจรียงเบริญ” ร่วมแสดงประอบด้วย
เครื่องดนตรีได้แก่ ฆ้อง กลองฉิ่งซอ(ตรัว) ปี่อ้อ แคนฯ
การวินิจฉัยสาเหตุการเจ็บป่วย
การ “โบล” ในพิธีกรรม“ปัญโจลมะม็วด”
เพื่อหาสาเหตุที่มาของการเจ็บป่วย และวิธีการรักษาอาการเจ็บป่วย
สาเหตุที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วย
สาเหตุที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วย
ประชาชน มีความเชื่อว่าการเจ็บป่วย เกิดจากสาเหตุ ดังต่อไปนี้ คือ
1. ผิดผี ผิดครู ผีป่า ผีโป่ง
ผีตายโหง ตายห่า เจ้าที่เจ้าทาง เทพาอารักษ์ ฯลฯ
2. เกิดจากไสยศาสตร์ อาคม
คุณไสย์
3. วิญญาณร้ายสิงสู่
4. อาการเจ็บป่วยที่แพทย์แผนปัจจุบันรักษาไม่หาย
วิธีการรักษามีวิธีการ
1. ใช้รากไม้สมุนไพร สมุนไพร
2. การเสกเป่าคาถาอาคมด้วยลมปาก
น้ำหมากและรดน้ำมนต์
3. เป่าเสดาะเคราะห์ ถอนคุณไสย
4. การทำพิธีเซ่นไหว้ขอขมาลาโทษต่อการล่วงละเมิดผีบรรพบุรุษ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงที่ได้กระทำโดยมิได้ตั้งใจ ให้ถูกต้อง ความเจ็บป่วยไข้ก็จะหายกลับสู่ปกติฯลฯ
ปัญโจลมะม็วด
พิธีกรรม รักษาการเจ็บป่วยด้วยเสียงดนตรีนี้
เชื่อว่าศาสตร์ด้านนี้ ได้อยู่คู่สังคมมนุษย์โลก
มาแต่บรรพกาลและมีการวิวัฒนาการขึ้นเป็นลำดับ สั่งสมเป็นอารยธรรม วัฒนธรรม
ที่หลากหลายด้วยรูปแบบ พิธีกรรม
ดนตรี เครื่องแต่งกาย เครื่องเซ่นไหว้ฯลฯ และซึมซับเข้าไปในวิถีการดำเนินชีวิต
สืบทอดด้วยแรงศรัทธามาถึงยุคปัจจุบัน สังคมโลกยุควิทยาศาสตร์ที่กำเนิดเมิ่อราว 500
ปีและรุ่งเรืองสูงสุดถึงปัจจุบัน ก็มีอายุราว 100 ปี ดังนั้นจึงยังมิอาจทอดทิ้งศาสตร์ดังกล่าวได้ เพราะการเจ็บป่วยหลายโรคที่วิทยาศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบันรักษาไม่หาย
กลับรักษาให้หายขาดได้ด้วยพิธีกรรม ”ปัญโจลมะม็วด” โลกยุคหลังวิทยาศาสตร์คาดว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า
พิธีกรรม ”ปัญโจลมะม็วด” อาจจะถูกพัฒนาให้การรักษาโลกแม่นยำมากขึ้นก็เป็นได้
ดีมากนำมาโพสต์อีกเยอะๆ วัฒนธรรมของคนไทย
ตอบลบวัฒนธรรมของคนไทย
ตอบลบสุดยอดเลยคะ อ่านแล้วมีความรู้เรื่องนี้อีกเยอะเลย
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบยังไม่เคยเห็นเลย
ตอบลบน่าสนใจมากเลยค่ะ
ตอบลบ