แหล่งท่องเที่ยวประจำท้องถิ่น
ปราสาทภูมิโปน
ตั้งอยู่ที่บ้านภูมิโปน ตำบลดม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทภูมิโปนประกอบด้วยโบราณสถาน ๔ หลัง คือ ปราสาทก่ออิฐ ๓ หลัง และก่อศิลาแลง ๑ หลัง มีอายุการก่อสร้างอย่างน้อยสองสมัย ปราสาทก่ออิฐหลังใหญ่และหลังทางทิศเหนือสุด นับเป็นปราสาทแบบศิลปะเขมรที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย คือราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ ส่วนปราสาทอิฐหลังเล็กที่ตั้งตรงกลางและปราสาทที่มีฐานศิลาแลงทางด้านทิศใต้ นั้นสร้างขึ้นในสมัยหลัง ปราสาทภูมิโปนคงสร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดูไศวนิกายเช่นเดียว กับศาสนสถานแห่งอื่นในรุ่นเดียวกัน แม้ไม่พบรูปเคารพซึ่งควรจะเป็นศิวลึงค์อยู่ภายในปรางค์ แต่ที่ปรางค์องค์ใหญ่ยังมี ท่อโสมสูตร คือ ท่อน้ำมนตร์ที่ต่อออกมาจากแท่นฐานรูปเคารพในห้องกลางติดอยู่ที่ผนังในระดับ พื้นห้อง การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข ๒๐๗๗ (สายสุรินทร์-สังขะ) ระยะทาง ๔๙ กิโลเมตร จากแยกอำเภอสังขะเข้าทางหลวงหมายเลข ๒๑๒๔ (สังขะ- บัวเชด) จนถึงบ้านภูมิโปนอีก ๑๐ กิโลเมตร จะเห็นปราสาทอยู่ริมถนนด้านซ้ายมือ
ตั้งอยู่ที่บ้านภูมิโปน ตำบลดม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทภูมิโปนประกอบด้วยโบราณสถาน ๔ หลัง คือ ปราสาทก่ออิฐ ๓ หลัง และก่อศิลาแลง ๑ หลัง มีอายุการก่อสร้างอย่างน้อยสองสมัย ปราสาทก่ออิฐหลังใหญ่และหลังทางทิศเหนือสุด นับเป็นปราสาทแบบศิลปะเขมรที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย คือราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ ส่วนปราสาทอิฐหลังเล็กที่ตั้งตรงกลางและปราสาทที่มีฐานศิลาแลงทางด้านทิศใต้ นั้นสร้างขึ้นในสมัยหลัง ปราสาทภูมิโปนคงสร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดูไศวนิกายเช่นเดียว กับศาสนสถานแห่งอื่นในรุ่นเดียวกัน แม้ไม่พบรูปเคารพซึ่งควรจะเป็นศิวลึงค์อยู่ภายในปรางค์ แต่ที่ปรางค์องค์ใหญ่ยังมี ท่อโสมสูตร คือ ท่อน้ำมนตร์ที่ต่อออกมาจากแท่นฐานรูปเคารพในห้องกลางติดอยู่ที่ผนังในระดับ พื้นห้อง การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข ๒๐๗๗ (สายสุรินทร์-สังขะ) ระยะทาง ๔๙ กิโลเมตร จากแยกอำเภอสังขะเข้าทางหลวงหมายเลข ๒๑๒๔ (สังขะ- บัวเชด) จนถึงบ้านภูมิโปนอีก ๑๐ กิโลเมตร จะเห็นปราสาทอยู่ริมถนนด้านซ้ายมือ
ปราสาทภูมิโปน
ในด้านโบราณสถานที่สำคัญ อันเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์สมัยเจนละ
ก็คือปราสาทภูมิโปน ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านภูมิโปน
ตำบลดม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทหลังนี้ถึงแม้ว่านักโบราณคดีจะลงความเห็นว่าเป็นแบบไพรกะเม็ง
ซึ่งเป็นยุคต่อจากแบบสัมโบร์ไพรกุก แต่ถ้าหากเราเปรียบเทียบรูปแบบกับปราสาทสัมโบร์ไพรกุก
ที่ประเทศกัมพูชา แล้วจะเห็นได้ว่าแทบไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย
จึงทำให้เชื่อว่าเป็นแบบสัมโบร์ไพรกุกมากกว่า
ปราสาทภูมิโปน ชื่อปราสาทมีความหมายว่า
ที่หลบซ่อน
มีเรื่องเล่าว่า
พระธิดาของกษัตริย์ ถูกนำมาพักอาศัย ณ เมืองนี้เพื่อหลบหนีภัยสงคราม
ปราสาทภูมิโปนประกอบด้วยปราสาทอิฐสามหลัง และฐานปราสาทศิลาแลงอีกหนึ่งหลัง ตั้งเรียงกันจากเหนือไปใต้ดังนี้
ปราสาทอิฐหลังที่ ๑ อยู่ทางด้านเหนือสุด มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมไม่ย่อมุม เหลือเพียงฐาน กรอบประตูทางเข้า และผนังบางส่วน ทับหลังและเสาประดับกรอบประตูทำด้วยหินทรายสลักลวดลาย ลักษณะเทียบได้กับศิลปะขอมสมัยก่อนเมืองพระนคร แบบไพรเกมร มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓
ปราสาทภูมิโปนประกอบด้วยปราสาทอิฐสามหลัง และฐานปราสาทศิลาแลงอีกหนึ่งหลัง ตั้งเรียงกันจากเหนือไปใต้ดังนี้
ปราสาทอิฐหลังที่ ๑ อยู่ทางด้านเหนือสุด มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมไม่ย่อมุม เหลือเพียงฐาน กรอบประตูทางเข้า และผนังบางส่วน ทับหลังและเสาประดับกรอบประตูทำด้วยหินทรายสลักลวดลาย ลักษณะเทียบได้กับศิลปะขอมสมัยก่อนเมืองพระนคร แบบไพรเกมร มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓
ปราสาทอิฐหลังที่ ๑
ปราสาทหินหลังที่ ๒ อยู่ต่อจากปราสาทหินหลังแรกมาทางใต้ ปัจจุบันเหลือเพียงฐานและกรอบประตูหินทราย
ปราสาทหินหลังที่ ๒ (ปัจจุบัน)
วิหารที่ปราสาทภูมิโปน ถ่ายจากด้านหน้า (ภาพ: มานิต วัลลิโภดม, ๒๕๐๔)
ปราสาทหินหลังที่ ๓ หรือปรางค์ประธาน เป็นปราสาทหลังใหญ่
ก่อด้วยอิฐไม่สอปูน แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสไม่ย่อมุม มีบันได และประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออก
อีกสามด้านเป็นประตูหลอก เสาประดับ กรอบประตู
และทับหลังทำด้วยหินทราย ใต้หน้าบันเหนือทับหลังขึ้นไปเป็นลายรูปใบไม้ม้วน รูปแบบและเทคนิคการก่อสร้าง
เทียบได้กับปราสาทขอมสมัยก่อนพระนคร ร่วมสมัยกับปราสาทหลังที่ ๑
ได้พบจารึกเป็นภาษาสันสกฤตด้วยอักษรปัลลวะ ซึ่งเคยใช้เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒
- ๑๓ ซึ่งสอดคล้องกับอายุของรูปแบบศิลปะของปราสาท
ปราสาทหินหลังที่ ๓ หรือปรางค์ประธาน
ฐานปราสาทศิลาแลง
อยู่ต่อจากปราสาทประธานมาทางใต้ ปัจจุบันเหลือเพียงฐานเท่านั้น
ปราสาทหลังนี้และปราสาทหลังที่สองคงสร้างในสมัยต่อมาซึ่งไม่อาจกำหนดอายุได้ ชัดเจน จากส่วนประกอบทางสถาปัตยกรรม เช่น เสาประดับ กรอบประตูที่เหลืออยู่เป็นเสาแปดเหลี่ยมอันวิวัฒนาการมาจากเสากลมในสมัยก่อน เมืองนคร ตลอดจนการก่อฐานปราสาทด้วยศิลาแลง ทำให้สามารถกำหนดได้ว่า ปราสาททั้งสองหลังนี้คงจะสร้างขึ้นหลังจากปราสาทประธาน และปราสาทหลังที่หนึ่ง
ปราสาทหลังนี้และปราสาทหลังที่สองคงสร้างในสมัยต่อมาซึ่งไม่อาจกำหนดอายุได้ ชัดเจน จากส่วนประกอบทางสถาปัตยกรรม เช่น เสาประดับ กรอบประตูที่เหลืออยู่เป็นเสาแปดเหลี่ยมอันวิวัฒนาการมาจากเสากลมในสมัยก่อน เมืองนคร ตลอดจนการก่อฐานปราสาทด้วยศิลาแลง ทำให้สามารถกำหนดได้ว่า ปราสาททั้งสองหลังนี้คงจะสร้างขึ้นหลังจากปราสาทประธาน และปราสาทหลังที่หนึ่ง
ฐานปราสาทศิลาแลง
อยู่ต่อจากปราสาทประธาน
ตำนานปราสาทภูมิโปน
เป็นเรื่องเล่าที่คนแก่เล่าสืบต่อกันมา สั้นบ้างยาวบ้าง
มีการต่อเติมเสริมแต่งตามแต่ผู้เล่าจะแถมเอา แต่โครงสร้างหลักๆ คล้ายกัน
เรื่องต่อไปนี้เล่าโดย นายบุญ ภาวิสิทธิ์ ราษฎรบ้านตาพราม
จำตำนานเรื่องนี้ขณะบวชอยู่วัดเทพคีรีอุดม ระหว่าง พ.ศ. 2474 –2476 นายบุญ ภาวิสิทธิ์เกิดปี พ.ศ. 2464
เรื่องเล่าโดยย่อ ดังนี้ เมืองภูมิโปน คือเมืองที่สร้างไว้เพื่อการหลบซ่อน เมือเดิมเมืองภูมิโปนมีมาก่อนแล้ว โดยกษัตริย์ขอมได้สร้างเมืองนี้ไว้เพื่อการหลบซ่อนตัวในยามสงคราม โดยภูมิโปนเป็นภาษาเขมร แปลว่าเมืองแห่งการหลบซ่อนสร้างไว้เป็นเมืองลัย ครั้งหนึ่งกษัตริย์ขอมได้ส่งราชธิดาหนีภัยมาหลบตัวอยู่ที่ภูมิโปนโดยมีพระ นางมีชื่อว่า ศรีจันทร์ทรา แต่คนทั่วไปเรียกว่า “เนียง ด็อฮ ทม” หรือพระนางนมใหญ่
เรื่องเล่าโดยย่อ ดังนี้ เมืองภูมิโปน คือเมืองที่สร้างไว้เพื่อการหลบซ่อน เมือเดิมเมืองภูมิโปนมีมาก่อนแล้ว โดยกษัตริย์ขอมได้สร้างเมืองนี้ไว้เพื่อการหลบซ่อนตัวในยามสงคราม โดยภูมิโปนเป็นภาษาเขมร แปลว่าเมืองแห่งการหลบซ่อนสร้างไว้เป็นเมืองลัย ครั้งหนึ่งกษัตริย์ขอมได้ส่งราชธิดาหนีภัยมาหลบตัวอยู่ที่ภูมิโปนโดยมีพระ นางมีชื่อว่า ศรีจันทร์ทรา แต่คนทั่วไปเรียกว่า “เนียง ด็อฮ ทม” หรือพระนางนมใหญ่
สภาพโดยทั่วไป
ปราสาทภูมิโปน ตั้งอยู่บนเนินสูงกลางหมู่บ้านภูมิโปน ซึ่งเป็นชุมชนเมืองโบราณ
ทีมีคูเมืองกำแพงเมืองล้อมรอบ มีสระน้ำโบราณขนาดใหญ่ที่ออกแบบซับซ้อนหลายสระ
ด้านหน้าปราสาท ทางทิศตะวันออกเริ่มตั้งแต่สระลำเจียก สระตา สระกนาล ที่ซ้อนอยู่ภายในสระตาอีกชั้นหนึ่ง สระตราวที่อยู่ถัดจากสระตา
ด้านหน้าปราสาท ทางทิศตะวันออกเริ่มตั้งแต่สระลำเจียก สระตา สระกนาล ที่ซ้อนอยู่ภายในสระตาอีกชั้นหนึ่ง สระตราวที่อยู่ถัดจากสระตา
ภาพดาวเทียมปราสาทภูมิโปน เป็นภาพจาก Google Earth เอามาให้ดูจะได้เห็นว่าบริเวณรอบๆ โดยเฉพาะด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของปราสาทภูมิโปนมีลักษณะคล้ายๆ สระน้ำอยู่จำนวนมาก
มีพิพิธภัณฑ์ ของโบราณ จำนวน 1 แห่ง อยู่ทีพิพิธภัณฑ์ โรงเรียนดมวิทยาคาร
ที่อยู่
โรงเรียนดมวิทยาคาร ต.ดม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ๓๒๑๕๐
โทรศัพท์: ๐๔๔ ๕๙๐๓๘๑, ๐๘๑ ๗๖๐๑๗๔๓
โรงเรียนดมวิทยาคาร ต.ดม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ๓๒๑๕๐
โทรศัพท์: ๐๔๔ ๕๙๐๓๘๑, ๐๘๑ ๗๖๐๑๗๔๓
ผู้รับผิดชอบ
ผู้อำนวยการโรงเรียนดมวิทยาคาร
กิจกรรมที่ดำเนินการ
จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผา และ โบราณวัตถุ ตลอดจนเครื่องมือ เครื่องใช้ของคนในสมัยโบราณ
จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผา และ โบราณวัตถุ ตลอดจนเครื่องมือ เครื่องใช้ของคนในสมัยโบราณ
บรรยากาศดีแท้ที่ไหนเหล้า
ตอบลบปราสาทภูมโปนก็เคยไป แถมยังเคยดูการแสดงด้วย ตอนที่ตัก บงกช มาแสดง งามมากกกก
ตอบลบปราสาทสวยๆอย่างนี้อยู่แถวๆบ้านเราเอง
ตอบลบปราสาทบ้านเรา#_#
ตอบลบจากแผนที่ไหนบ้านเรา
เคยไปแร้ววววววววววววว สวยงามม๊วฟฟฟ
ตอบลบขี่ผ่านทุกวันเลย สวยมาก
ตอบลบได้ความรู้เยอะเลย
ตอบลบ